เจาะลึกศัลยกรรมดึงหน้าเทคนิคไหนใช่สำหรับคุณ? เปรียบเทียบ SMAS Facelift vs Deep Plane Facelift

เมื่อส่องกระจกแล้วเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าดูเหนื่อยล้า หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวราคาสูงเริ่มไม่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะในวัย 40-60 ปีขึ้นไป ที่ความหย่อนคล้อยเริ่มปรากฏชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นร่องแก้มลึก กรอบหน้าไม่ชัด หรือหนังตาที่เริ่มตกตามแรงโน้มถ่วง
สำหรับชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียงที่กำลังมองหาทางออกเพื่อการย้อนวัย คำถามที่พบบ่อยที่สุดเมื่อเข้ามาปรึกษาที่ ALINE Clinic คือ "ควรเลือก ดึงหน้าเทคนิคไหนดี?" เนื่องจากปัจจุบันมีเทคนิคทางการแพทย์หลากหลาย ผู้เชี่ยวชาญจึงขอรวบรวมข้อมูลเชิงลึกมาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกสิ่งที่คุ้มค่าและเหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคลมากที่สุด
การศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โครงสร้างใบหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพียงแค่ "ผิวหนัง" เท่านั้น แต่ความหย่อนคล้อยเกิดขึ้นลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อและไขมัน ศัลยกรรมดึงหน้าจึงไม่ใช่เพียงการตัดผิวหนังส่วนเกินออกแล้วเย็บ เพราะอาจทำให้ใบหน้าดูตึงผิดธรรมชาติและมีโอกาสเกิดแผลเป็น หัวใจสำคัญของการดึงหน้าในยุคปัจจุบัน คือการจัดเรียงโครงสร้างภายในใหม่ให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเหมือนสมัยหนุ่มสาว
การทำศัลยกรรมดึงหน้าจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาใบหน้าย่อนคล้อยที่เครื่องยกกระชับหรือการฉีดสารเติมเต็มอาจแก้ได้ไม่ครอบคลุม เช่น
- ร่องน้ำหมากและร่องแก้มที่ลึกอย่างชัดเจน
- กระพุ้งแก้มห้อยย้อย ที่ทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมหรือบานขึ้น
- กรอบหน้า (Jawline) ไม่ชัด และผิวบริเวณคอเหี่ยวย่น
- หางตาและคิ้วตก ซึ่งทำให้ใบหน้าดูมีอายุเกินจริง
เปรียบเทียบ 2 เทคนิคดึงหน้ายอดฮิต: SMAS vs Deep Plane ต่างกันอย่างไร?

ในวงการศัลยกรรมตกแต่งปัจจุบัน เทคนิคที่เป็นมาตรฐานสากล (Gold Standard) และเป็นที่ยอมรับมีอยู่ 2 แบบหลัก คือ ดึงหน้าเทคนิค SMAS และ ดึงหน้าเทคนิค Deep Plane ซึ่งทั้งสองวิธีให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการดึงเพียงแค่ชั้นผิวหนัง (Skin Only) อย่างมาก แต่ 2 เทคนิคนี้ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของ "ความลึก" ของชั้นผ่าตัด และ "ความยั่งยืน" ของผลลัพธ์
ดึงหน้าเทคนิค SMAS คืออะไร
คำว่า SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) คือชั้นพังผืดกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ชั้นไขมัน เปรียบเสมือนโครงข่ายตาข่ายที่ทำหน้าที่พยุงใบหน้าเอาไว้
การดึงหน้าเทคนิค SMAS คือกระบวนการที่ศัลยแพทย์จะเข้าไปจัดการยกกระชับที่ชั้นโครงข่ายนี้ โดยการดึงชั้น SMAS ให้ตึงขึ้นและตัดส่วนเกินออก ก่อนจะเย็บปิดผิวหนัง วิธีนี้ถือเป็นวิธีมาตรฐานที่นิยมทำกันมาอย่างยาวนาน ข้อดีคือช่วยยกกระชับใบหน้าส่วนล่างและลำคอได้ดี
ดึงหน้าเทคนิค SMAS เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยในระดับปานกลาง
- ผู้ที่มีอายุประมาณ 40-50 ปี
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาแก้มห้อย หรือกรอบหน้าไม่ชัดเจน
ดึงหน้าเทคนิค Deep Plane คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยม?
สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและดูเป็นธรรมชาติสูงสุด เทคนิคที่น่าสนใจคือ ดึงหน้าเทคนิค Deep Plane ซึ่งถือเป็นเทคนิคขั้นสูงที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ความแตกต่างสำคัญคือ การผ่าตัดจะไม่หยุดอยู่แค่การดึงชั้น SMAS แต่จะเลาะเข้าไปใต้ชั้น SMAS เรียกชั้นนี้ว่า Deep Plane เพื่อเข้าไปปลดล็อกสิ่งที่เรียกว่า "Ligament" หรือเส้นเอ็นที่ยึดเกาะผิวหน้า เปรียบเสมือนการปลดหมุดที่ตรึงผ้าเอาไว้ เมื่อปลดล็อก Ligament ออก ศัลยแพทย์จะสามารถยกกระชับโครงสร้างใบหน้าและพวงแก้มขึ้นได้ทั้งแผงอย่างอิสระโดยไม่ต้องออกแรงดึงผิวหนังมากเกินไป
การดึงหน้าเทคนิค Deep Planeช่วยให้ยกกระชับได้ถึงร่องแก้มและพวงแก้ม (Mid-face) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใบหน้าจึงดูละมุน ไม่ตึงจนดูดุ และผลลัพธ์มีความยั่งยืนยาวนาน
ดึงหน้าเทคนิค Deep Plane เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมาก
- ผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึก และร่องน้ำหมากลึกชัดเจน
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ และอยู่ได้นานกว่าเทคนิคทั่วไป
เช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจ เลือกเทคนิคดึงหน้าแบบไหนให้เหมาะกับคุณ
การเลือกวิธี ดึงหน้า ให้เหมาะสม ควรพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก
- สภาพปัญหาผิวหน้า หากมีความกังวลเรื่องร่องแก้มลึกมาก การทำ ดึงหน้าเทคนิค Deep Plane จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ดึงหน้าเทคนิค SMAS เนื่องจากเข้าถึงต้นตอของปัญหาได้ลึกกว่า
- ช่วงอายุ แม้ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่ผู้ที่มีอายุ 50-60 ปีขึ้นไป มักจะได้ประโยชน์จาก ดึงหน้าเทคนิค Deep Plane มากกว่า
- งบประมาณ เทคนิค Deep Plane มักจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเนื่องจากเป็นหัตถการที่ซับซ้อน แต่เมื่อเทียบกับระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า ก็นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ขั้นตอนการเตรียมตัวและการดูแลตัวเองหลังดึงหน้า
ไม่ว่าจะเลือก ดึงหน้าเทคนิค SMAS หรือ ดึงหน้าเทคนิค Deep Plane การเตรียมตัวและการดูแลรักษาเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ก่อนทำ: ควรงดวิตามิน อาหารเสริม และยาละลายลิ่มเลือดทุกชนิดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ รวมถึงงดสูบบุหรี่
- หลังทำ: ช่วง 3 วันแรกสำคัญมาก ควรประคบเย็นเพื่อลดบวม นอนหมอนสูง และสวมผ้ารัดหน้าตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- การตัดไหม: โดยปกติแพทย์จะนัดตัดไหมในช่วง 7-10 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่แผลเริ่มแห้งและจางลง
สรุป ดึงหน้าเทคนิคไหนคุ้มค่าที่สุด?
การดึงหน้า คือการลงทุนเพื่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับ ALINE Clinic มองว่าไม่มีคำว่า "ดีที่สุด" ในภาพรวม มีแต่คำว่า "เหมาะที่สุด" สำหรับคนไข้แต่ละท่าน
หากคุณอาศัยอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา (โคราช) หรือจังหวัดใกล้เคียง และยังลังเลว่าจะเลือก ดึงหน้าเทคนิค SMAS หรือจะขยับไปทำ ดึงหน้าเทคนิค Deep Plane แนะนำให้เข้ามาปรึกษาเพื่อให้แพทย์ประเมินโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด การวางแผนการรักษาที่ตรงจุดจะช่วยให้คุณได้ย้อนวัยกลับไปมั่นใจอีกครั้ง ในแบบที่เป็นธรรมชาติและเป็นตัวเองที่สุด ดูรีวิวเคสดึงหน้า
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือส่งรูปมาประเมินใบหน้าเบื้องต้นกับทีมผู้เชี่ยวชาญของ ALINE Clinic ได้ทันที
โทร 0992692663


